top of page

ประเภทของศิลปะกระจกสี: ความงามของแสงและสีที่เล่าเรื่องได้

กระจกสีไม่ใช่แค่กระจกที่มีสีสัน แต่คือศิลปะที่ถ่ายทอดอารมณ์ เรื่องราว และแสง ผ่านงานฝีมือที่มีเสน่ห์และความประณีต ศิลปะกระจกสีมีต้นกำเนิดมายาวนานนับศตวรรษ และแม้จะเริ่มต้นจากการตกแต่งโบสถ์หรือวิหาร แต่ในปัจจุบันก็ได้พัฒนาไปสู่รูปแบบร่วมสมัยที่หลากหลาย ทั้งในเชิงการตกแต่งบ้าน ประติมากรรม และงานศิลป์สมัยใหม่

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ ประเภทของศิลปะกระจกสี หลัก ๆ ตั้งแต่รูปแบบดั้งเดิมไปจนถึงแนวร่วมสมัย พร้อมอธิบายจุดเด่นของแต่ละแบบอย่างกระชับและชัดเจน


1. กระจกสีแบบดั้งเดิม (Leaded Stained Glass)

นี่คือรูปแบบที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด มักพบในหน้าต่างโบสถ์ วิหาร และอาคารเก่าแก่ วิธีการคือการตัดกระจกสีให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วประกอบเข้าด้วยกันด้วยเส้นรางตะกั่ว (lead came) ก่อนจะบัดกรีให้ติดกันอย่างแน่นหนา

จุดเด่น:

•ลวดลายซับซ้อน สื่อถึงเรื่องราวหรือความศรัทธา

•เหมาะกับงานศิลป์ทางศาสนาและประวัติศาสตร์

•ขนาดใหญ่ ติดตั้งกับหน้าต่างอาคาร

ตัวอย่างที่โด่งดัง: มักจะเป็นหน้าต่างกระจกสีตามโบสถ์ เช่น

หน้าต่าง, ฝรั่งเศส — แสดงเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลผ่านลวดลายดอกไม้และเรขาคณิต



2. กระจกสีแบบทิฟฟานี (Tiffany-Style / Copper Foil Method)

คิดค้นโดย Louis Comfort Tiffany ในปลายศตวรรษที่ 19 เทคนิคนี้ใช้แถบฟอยล์ทองแดงพันรอบขอบกระจกแต่ละชิ้น แล้วบัดกรีรวมกัน ทำให้สามารถสร้างลวดลายที่ละเอียดและเล็กได้ดีกว่าการใช้รางตะกั่ว รวมถึงมีรูปทรงโดยรวมโค้งงอได้ง่ายกว่า

งานที่นิยม:

•โคมไฟกระจกสี

•แผงหน้าต่าง ตู้โชว์

•กล่องเครื่องประดับ

ลวดลายมักได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ แมลงปอ นกยูง




3. กระจกสีแบบวาดลาย (Painted Stained Glass)

เป็นการวาดภาพลงบนแผ่นกระจกโดยตรง ด้วยสีพิเศษหรือผงเคลือบ จากนั้นนำไปเผาในเตาเผาเพื่อให้สีติดถาวร เหมาะกับงานที่ต้องการรายละเอียดสูง เช่น ใบหน้า ฉากเรื่องราว หรือแสงเงา

เหมาะสำหรับ:

•งานศิลปะเชิงศาสนา

•ภาพบุคคล

•การบูรณะกระจกโบราณ



4. กระจกฟิวส์ (Fused Glass)

เป็นการนำกระจกสีหลายชั้นวางซ้อนกันแล้วเผาในเตาให้หลอมรวมกันเป็นชิ้นเดียวโดยไม่ต้องใช้ตะกั่วหรือฟอยล์ เหมาะสำหรับงานตกแต่งร่วมสมัย

จุดเด่น:

•ผิวเรียบ ลวดลายดูทันสมัย

•ผสมสีและเท็กซ์เจอร์ได้หลากหลาย

•ใช้ทำจาน แจกัน พาเนลติดผนัง



5. กระจกดัดทรง (Slumped Glass)

คล้ายกับ fused glass แต่เน้นการใช้แม่พิมพ์ เมื่อเผาในเตา กระจกจะอ่อนตัวและยุบลงตามรูปทรงแม่พิมพ์ ใช้สร้างชิ้นงาน 3 มิติ เช่น ถ้วย ชาม หรือผนังตกแต่งที่มีมิติ




6. กระจกหนาทึบ Dalle de Verre (ดาลเดอแวร์)

แปลตรงตัวคือ “แผ่นกระจกหนา” เป็นเทคนิคที่ใช้กระจกสีหนาประมาณ 2–3 ซม. วางในแม่พิมพ์ปูนหรืออีพ็อกซี เน้นแสงและสีที่จัดจ้าน เหมาะกับงานสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่

ใช้ใน:

•อาคารสาธารณะ

•โบสถ์สมัยใหม่

•ศิลปะขนาดใหญ่ที่ดูแข็งแรง



7. กระจกสีร่วมสมัย (Contemporary Stained Glass)

เป็นแนวทางใหม่ที่ศิลปินนำเทคนิคดั้งเดิมมาประยุกต์ให้เข้ากับงานศิลปะร่วมสมัย ทั้งแบบมินิมอล แอ็บสแตรกต์ หรือผสมกับวัสดุอื่น เช่น ภาพถ่ายหรือวัตถุรีไซเคิล

จุดเด่น:

•รูปทรงอิสระ

•ลวดลายไม่จำกัด

•เหมาะกับแกลเลอรี่และบ้านยุคใหม่




8. เครื่องประดับกระจกสี (Stained Glass Jewelry)

นำเทคนิค copper foil หรือ fused glass มาประยุกต์ทำเป็นงานเครื่องประดับ เช่น สร้อยคอ ต่างหู เข็มกลัด ให้สามารถพกพาความสวยงามของแสงและสีกระจกไปได้ในชีวิตประจำวัน




9. กระจกโมเสก (Mosaic Stained Glass)

ศิลปะแบบโมเสกใช้กระจกชิ้นเล็กเรียงต่อกันเป็นลวดลาย ติดด้วยปูนยาแนว (grout) เหมาะกับตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ ถาด หรือผนัง

เหมาะกับ:

•งาน DIY

•สวนและระเบียงบ้าน

•เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง




แล้วคุณล่ะ ชอบแบบไหน?

กระจกสีแต่ละประเภทมีเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่แตกต่างกัน หากคุณชอบกลิ่นอายคลาสสิกแบบยุโรป งาน leaded glass คือคำตอบ แต่ถ้าต้องการชิ้นงานแต่งบ้านสมัยใหม่ fused หรือ slumped glass ก็น่าสนใจไม่น้อย

หรือถ้าอยากพกความสวยงามของแสงไว้กับตัวทุกวัน ลองหาเครื่องประดับกระจกสีที่เหมาะกับคุณดูสิ!


สรุป

ไม่ว่าจะอยู่ในหน้าต่างโบสถ์หรือจี้ห้อยคอเล็ก ๆ กระจกสีก็ยังคงเป็นงานศิลปะที่มีชีวิต แสดงออกถึงอารมณ์ ความศรัทธา และความสวยงามของแสงที่ไม่มีวันซ้ำกันเลยในแต่ละวัน

หากคุณกำลังมองหากระจกสีสักชิ้น หรือต้องการเริ่มต้นเรียนรู้ ลองเลือกสไตล์ที่ตรงกับตัวคุณ แล้วคุณจะพบว่า…แสงจากกระจกสี ไม่ได้แค่สวย แต่มันเล่าเรื่องแทนตัวคุณได้


________________________________________________________________________


Comments


  • YouTube
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
  • TikTok
  • Line

©2022 by ร้านประกายแก้ว Prakaykaew Stained Glass.

bottom of page